เลือกโลโก้ยังไงให้เหมาะกับแบรนด์?
by Casper Schools
Published:
บางครั้งแค่เห็นโลโก้ เราก็รู้เลยว่าแบรนด์นี้ "เป็นใคร" เหมือนเวลาผ่านป้ายร้านเดิมที่คุ้นเคย เห็นสี เห็นรูปทรง หรือฟอนต์บางแบบ ก็จำได้ทันทีว่าเคยมีความรู้สึกดีๆ กับแบรนด์นั้นมากแค่ไหน นั่นแหละคือพลังของโลโก้ ภาพเดียวที่เล่าเรื่องได้ทั้งจักรวาลของแบรนด์
ลองหลับตานึกถึงแบรนด์ที่ชอบที่สุดสักหนึ่งแบรนด์ แล้วถามตัวเองว่า… เห็นโลโก้ของเขาขึ้นมาในหัวรึยัง? ไม่ว่าจะเป็นโลโก้รูปแอปเปิ้ลแหว่ง โลโก้ตัวอักษรเรียงสวย หรือโลโก้ที่เป็นเพียงเส้นโค้งบางๆ บนพื้นขาว สิ่งเล็กๆ เหล่านี้มีพลังมหาศาล พลังของ "ภาพเดียวที่เล่าได้ทั้งตัวตน"

โลโก้คือหนึ่งในจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างแบรนด์ เพราะมันไม่ใช่แค่ภาพที่เอาไปแปะบนกล่องหรือบนเว็บไซต์ แต่มันคือเครื่องหมายบางอย่าง ที่ช่วยให้คนรับรู้ "ความเป็นใคร" ได้ตั้งแต่ยังไม่ทันพูดอะไร

บางแบรนด์เลือกใช้แค่ตัวอักษร บางแบรนด์ใช้สัญลักษณ์ บางแบรนด์เอาทั้งสองอย่างมาผสมกันอย่างมีชั้นเชิง สิ่งสำคัญคือ ไม่มีคำตอบเดียวที่ถูกต้อง เพราะการเลือกโลโก้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสวยอย่างเดียว แต่มันคือการเลือก "ภาษาภาพ" ที่เหมาะกับจังหวะของแบรนด์ เป็นเหมือนการเลือกภาษาแม่ให้กับตัวตนของแบรนด์ เพื่อสื่อสารให้คนฟังเข้าใจตั้งแต่แรกเห็น

และถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน วันนี้ Casper Schools เลยอยากชวนทุกคนมาความรู้จักกับ "4 ประเภทของโลโก" ที่พบได้บ่อย พร้อมคำแนะนำว่าแบรนด์แบบไหนเหมาะกับโลโก้แบบไหน อ่านจบแล้ว อาจจะมองโลโก้รอบตัวด้วยสายตาใหม่เลยก็ได้นะ
1. Lettermark / Monogram
โลโก้ตัวย่อ ที่กระชับแต่จดจำได้

โลโก้ประเภทนี้เกิดจากการย่อชื่อแบรนด์ให้เหลือเพียง 2–4 ตัวอักษร โดยยังคงความหมายเดิมไว้ เช่น

  • NASA = National Aeronautics and Space Administration
  • HBO = Home Box Office
  • CNN = Cable News Network

จุดเด่นของโลโก้ประเภทนี้คือความกระชับ อ่านง่าย จำง่าย และดูมืออาชีพ เหมาะกับแบรนด์ที่มีชื่อค่อนข้างยาว หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการความน่าเชื่อถือ
Great for brands that…
  • มีชื่อแบรนด์ยาวเกินจะใช้เต็มๆ
  • ต้องการความเป็นทางการ ดูเป็นมืออาชีพ
  • อยากให้คนจดจำชื่อย่อได้ทันที
2. Wordmark / Logotype
โลโก้ที่ให้ชื่อแบรนด์พูดด้วยตัวเอง

แบรนด์ที่ชื่อสั้น ติดหู และมีเอกลักษณ์ มักเลือกใช้โลโก้แบบ Wordmark ซึ่งใช้ชื่อแบรนด์เต็มๆ มาออกแบบให้กลายเป็นโลโก้ที่จดจำได้ ตัวอย่างเช่น Google, Coca-Cola, IKEA, Visa

โลโก้ประเภทนี้เหมาะมากกับแบรนด์ใหม่ที่ยังต้องการสร้างการจดจำ เพราะไม่มีอะไรมาเบี่ยงเบนจาก “ชื่อ”
Great for brands that…
  • มีชื่อแบรนด์สั้น จำง่าย
  • อยากให้คนจดจำชื่อแบรนด์ได้เป๊ะ
  • ต้องการความเรียบง่าย ชัดเจน
3. Pictorial Mark / Symbol Logo
โลโก้ที่เล่าเรื่องด้วยภาพเดียว โดยไม่ต้องใช้คำ

เมื่อพูดถึงโลโก้ Apple หรือ Twitter หลายคนจะนึกถึงภาพ "แอปเปิ้ล" หรือ "นกสีฟ้า" โดยอัตโนมัติ แม้ไม่มีคำอธิบายประกอบ ก็รู้ทันทีว่าแบรนด์อะไร นี่แหละคือพลังของ Pictorial Mark โลโก้ประเภทนี้ใช้ "สัญลักษณ์" ที่กลั่นออกมาจากแก่นของแบรนด์ จะเรียบหรือซับซ้อนก็ได้ แต่สิ่งที่ต้องมีคือ "ภาพจำ" ที่ชัดเจน

การจะใช้โลโก้แบบนี้ให้ได้ผลดี มักต้องอาศัยเวลาในการสร้างการจดจำ หรือไม่ก็ต้องมีคอนเซปต์ที่แข็งแรงมากๆ แต่ถ้าทำได้ โลโก้แบบนี้ก็มีข้อดีคือเรียบง่าย ขยายหรือย่อได้โดยไม่เสียรายละเอียด และสามารถใช้ได้หลากหลายแพลตฟอร์ม
การออกแบบโลโก้แบบ Symbol ต้องอาศัยภาพจำที่ชัดเจน และคอนเซปต์ที่แข็งแรง แต่ถ้าทำได้ โลโก้แบบนี้ก็ใช้งานได้หลากหลายและยืดหยุ่นมาก
Great for brands that…
  • มีการรับรู้สูง หรือเอกลักษณ์เฉพาะ
  • ต้องการความเรียบ คลีน ใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม
  • สื่อสารในหลายภาษาและหลายประเทศ
4. Combination Mark
โลโก้ที่ผสมภาพและคำไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

เมื่อแบรนด์ไม่อยากเลือกข้าง โลโก้แบบ Combination ก็เป็นคำตอบ เพราะรวมทั้ง “ชื่อแบรนด์” และ “สัญลักษณ์” ไว้ด้วยกัน เช่น Starbucks, Burger King, Lacoste, Doritos

ข้อดีคือใช้งานได้ยืดหยุ่น ไม่ว่าจะบนเว็บไซต์ แพ็กเกจ หรือโซเชียล และเมื่อแบรนด์แข็งแรงแล้ว ก็สามารถใช้เฉพาะสัญลักษณ์ได้ในบางบริบท
Great for brands that…
  • อยู่ในช่วงเริ่มสร้างการจดจำ
  • อยากให้คนจำทั้งชื่อและภาพไปพร้อมกัน
  • มีแผนขยายในอนาคต ต้องการความยืดหยุ่นสูง
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าโลโก้แบบไหนเป็นโลโก้ที่ใช่สำหรับแบรนด์เรา?

ไม่มีคำตอบตายตัวสำหรับคำถามนี้ แต่สิ่งที่ควรถามก่อนคือ

  • แบรนด์ของเรามีนิสัยแบบไหน
  • อยากให้คนรู้สึกยังไงตอนเห็นโลโก้
  • เราสื่อสารแบบเรียบง่ายหรือซับซ้อน
  • แบรนด์นี้ใช้ "เสียงเบาๆ" หรือ "ชัดเจนตรงไปตรงมา"

เพราะสุดท้ายแล้ว โลโก้ที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องพูดภาษาเดียวกับแบรนด์ ไม่ต้องเด่นกว่าใคร ไม่ต้องซับซ้อนเกินไป แค่สื่อสารตรงจุดและสะท้อนตัวตนให้ชัดเจนที่สุดก็พอ

ถ้าอยากออกแบบโลโก้ที่ไม่ใช่แค่สวย แต่ยัง "พูดเป็น" และสะท้อนตัวตนแบรนด์ได้อย่างลึกซึ้ง เราขอแนะนำคอร์ส Branding Inside Out ของ Casper Schools เราจะพาไปรู้จักโลโก้ ไม่ใช่แค่ในฐานะงานออกแบบ แต่ในฐานะ “ภาษาภาพ” ที่แบรนด์ใช้สื่อสารกับโลกอย่างมีชั้นเชิง ตั้งแต่การค้นหาตัวตนของแบรนด์ ไปจนถึงการแปลงมันออกมาเป็นโลโก้ที่ชัดเจนและทรงพลัง คอร์สนี้ออกแบบมาให้ลงมือจริง ฝึกคิดจริง พร้อมกรอบทฤษฎีที่เข้าใจง่าย เพื่อให้ทุกคนสร้างโลโก้ที่ “พูดได้” และต่อยอดได้ในโลกจริงอย่างมั่นใจ

Published: